วันที่ลูกชายกลับมา




คริสติน่านั่งอยู่บนโซฟานุ่มในห้องรับแขกของคฤหาสน์สุดหรู แสงแดดยามบ่ายสาดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ กระทบกับชุดเสื้อกล้ามสีดำและกระโปรงลายที่รัดรูปโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งของเธออย่างลงตัว ผมสีแดงเข้มถูกรวบตึงเป็นมวยสูง เผยให้เห็นคอระหงและไหล่เนียนที่ยังคงความเย้ายวนแม้จะอยู่ในวัยที่ผ่านโลกมานาน เธอจิบชาจากถ้วยชาสีขาวอย่างสงบ กลิ่นหอมของชาดอกมะลิอบอวลในอากาศ 

ทันใดนั้น เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น คริสติน่าวางถ้วยชาลงอย่างนุ่มนวล ก่อนลุกขึ้นเดินไปที่ประตูด้วยท่วงท่าสง่างาม รองเท้าส้นสูงสีดำกระทบพื้นหินอ่อนเป็นจังหวะ เธอเปิดประตูออก และภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย

ออสตินยืนอยู่ตรงนั้น รูปงามราวกับเทพบุตรที่หลุดออกมาจากนิตยสาร ชายหนุ่มวัย 25 ลูกชายของเธอ วันเวลาที่เขาหายไปทำงานต่างประเทศได้หล่อหลอมให้เขากลายเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ฉายแววลึกซึ้ง ผมสีน้ำตาลอ่อนยุ่งเล็กน้อยจากสายลม และร่างกายที่กำยำขึ้นจากเมื่อครั้งที่เธอเคยเห็นเขาในวัยหนุ่มแน่น

“สวัสดีครับ คุณแม่” เสียงทุ้มนุ่มของเขาดังขึ้น พร้อมรอยยิ้มที่ทั้งอบอุ่นและมีเล่ห์เหลี่ยมซ่อนอยู่

“สวัสดีสุดหล่อ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความเย้ายวน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กๆ ขณะที่สายตาของเธอประสานเข้ากับดวงตาของเขา

ทั้งสองจ้องมองกันครู่หนึ่ง ความเงียบระหว่างพวกเขาเต็มไปด้วยพลังงานบางอย่างที่ร้อนระอุ มันไม่ใช่แค่การทักทายธรรมดา แต่เป็นเหมือนการจุดประกายของสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจมานาน คริสติน่าถอยหลังเล็กน้อย เปิดทางให้เขาเข้ามาในบ้าน “เข้ามาสิ” เธอกล่าวเบาๆ มือหนึ่งยังจับที่ขอบประตู ขณะที่สายตาของเธอไล่สำรวจร่างกายของเขาอย่างไม่ปิดบัง

ออสตินก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเขาลอยมาแตะจมูกเธอ เขาหันมามองเธออีกครั้งเมื่อประตูปิดลง “ผมคิดถึงที่นี่... และแม่ด้วย” คำพูดของเขาฟังดูจริงใจ แต่แววตาของเขากลับบอกเล่าเรื่องราวที่ลึกซึ้งกว่านั้น

คริสติน่ายิ้มกว้างขึ้น เธอเดินนำเขาไปยังห้องรับแขก สะโพกโยกย้ายเล็กน้อยใต้กระโปรงสั้น “เล่าให้แม่ฟังหน่อยสิ ว่าหลายปีที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง” เธอกล่าว ขณะนั่งลงบนโซฟา ขาข้างหนึ่งพาดทับอีกข้างอย่างตั้งใจ เปิดเผยผิวขาวเนียนที่ชวนให้สายตาของออสตินต้องหยุดมอง

.
.
.
.
.
.
.

ภายนอกคฤหาสน์อันเงียบสงบนั้น แสงแดดยามบ่ายยังคงลอดผ่านม่านลูกไม้สีขาว สาดส่องลงบนพื้นหินอ่อนที่เงางาม แต่ภายในตัวบ้าน บรรยากาศกลับร้อนระอุราวกับถูกจุดไฟแห่งตัณหาให้ลุกโหม ความเงียบถูกแทนที่ด้วยเสียงครางกระเส่าที่ดังก้องไปทั่วห้องรับประทานอาหารอันกว้างขวาง

ออสตินยืนอยู่ตรงนั้น ร่างกายกำยำที่เคยซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าตอนนี้เผยให้เห็นส่วนล่างที่เปลือยเปล่า ท่อนบนยังคงสวมเสื้อกล้ามสีดำที่รัดแน่นจนเห็นกล้ามเนื้อชัดเจน ใบหน้าของเขาฉายแววของความหิวกระหาย ขณะที่เขาจับคริสติน่าด้วยสองแขนแข็งแรงในท่าลิงอุ้มแตง เธอถูกยกขึ้นจนขาทั้งสองข้างเกี่ยวรอบเอวของเขา กระโปรงลายสีดำถูกถลกขึ้นไปกองที่เอว เผยให้เห็นผิวขาวเนียนและเรือนร่างที่ยังคงเย้ายวน

เขาดันร่างของเธอไปจนหลังของคริสติน่าแตะขอบโต๊ะอาหารไม้สีเข้มที่ตั้งเด่นเป็นสง่ากลางห้อง เสียงไม้กระทบกับผิวเนื้อดังเบาๆ เมื่อเขาปรับท่าทางให้เธอพิงแน่น ออสตินมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ก่อนจะเริ่มขยับเอวอย่างชำนาญ แท่งเนื้อแข็งขึงของเขาสอดใส่เข้าไปในร่างของเธอด้วยจังหวะที่ทั้งนุ่มนวลและหนักแน่น ทุกการเคลื่อนไหวของเขาทำให้คริสติน่าต้องปล่อยเสียงครางออกมาจากลำคอ เธอจับไหล่ของเขาแน่น ปลายนิ้วกดลงบนผิวหนังจนเป็นรอยแดง “โอ้ว... ลูกแม่เก่งขึ้นเยอะเลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นระริก ปนเปไปด้วยความชื่นชม

คำพูดของเธอเหมือนเป็นเชื้อเพลิงที่จุดไฟในตัวเขาให้ลุกโชนยิ่งขึ้น ออสตินยิ้มมุมปาก ก่อนจะเพิ่มแรงกระแทกให้หนักหน่วงขึ้น เขายกเธอขึ้นจากขอบโต๊ะอย่างง่ายดาย วางร่างของเธอลงนอนราบบนพื้นผิวไม้เย็นเยียบของโต๊ะอาหาร ขาของคริสติน่าถูกดันแยกออก เผยให้เห็นจุดเชื่อมต่อที่ทั้งสองกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน เขาขยับสะโพกอย่างดุดัน แรงกระแทกแต่ละครั้งทำให้โต๊ะไม้หนักนั้นสั่นสะเทือน เสียงไม้กระทบกันดังเป็นจังหวะสอดประสานกับเสียงร้องของเธอที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

คริสติน่าหลับตาพริ้ม มือหนึ่งยึดขอบโต๊ะไว้อีกข้างลูบไล้ไปตามหน้าท้องแกร่งของออสติน ความสุขสมที่พุ่งถึงขีดสุดเริ่มก่อตัวในร่างของเธอ ออสตินเองก็เช่นกัน ดวงตาของเขาจับจ้องที่ใบหน้าของเธอ ร่างกายเกร็งแน่นเมื่อถึงจุดสูงสุด เขากระแทกเข้าไปครั้งสุดท้ายด้วยพลังทั้งหมดที่มี เสียงครางของทั้งคู่ดังพร้อมกันในวินาทีที่ความเสียวซ่านระเบิดออกมา น้ำร้อนฉ่ำของเขาทะลักออกจากจุดเชื่อมต่อ ไหลหยดลงบนผิวไม้สีเข้มของโต๊ะเป็นรอยเปื้อนแห่งความเร่าร้อน

ทั้งสองนิ่งเงียบไปชั่วขณะ หอบหายใจอย่างหนัก ออสตินค่อยๆ ถอนตัวออกจากเธอ ช้าๆ ราวกับยังคงดื่มด่ำกับความรู้สึกที่เพิ่งเกิดขึ้น คริสติน่านอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ ผมแดงที่เคยรวบตึงคลายออกกระจายตัวบนพื้นผิวไม้ ดวงตาของเธอประสานกับเขาอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเรื่องราวนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้

หลังจากพายุแห่งความเร่าร้อนสงบลง ห้องรับประทานอาหารที่เคยเต็มไปด้วยเสียงครางและแรงสั่นสะเทือนกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แสงแดดยามเย็นลอดผ่านหน้าต่าง สาดส่องลงบนร่างของคริสติน่าที่ยังนอนนิ่งอยู่บนโต๊ะไม้ ผมแดงของเธอกระจายตัวราวกับเปลวไฟที่แผ่วเบาลง ออสตินค่อยๆ ดึงเธอขึ้นจากโต๊ะด้วยความอ่อนโยน มือแข็งแรงของเขาประคองเอวของเธอไว้ ขณะที่สายตาของทั้งคู่ประสานกันในความเงียบที่เต็มไปด้วยความหมาย

เขาดึงเธอเข้ามากอด ร่างกำยำของเขาซ้อนทับร่างของเธออย่างอบอุ่น คริสติน่าซบหน้าลงบนอกกว้างของเขา ฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ “แม่ไม่เคยคิดเลยว่าการกลับมาของลูกจะทำให้หัวใจแม่เต้นแรงขนาดนี้” เธอกระซิบเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยนปนความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

ออสตินยิ้มกว้าง มือหนึ่งลูบไล้ไปตามเส้นผมของเธอ “และผมก็ไม่เคยคิดว่าบ้านหลังนี้จะรู้สึกสมบูรณ์ได้ขนาดนี้ ถ้าไม่มีแม่” เขาตอบกลับ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาสะท้อนแสงแดดยามเย็น ราวกับมีดวงดาวซ่อนอยู่ในนั้น

ทั้งคู่ยืนอยู่อย่างนั้นท่ามกลางแสงทองที่ค่อยๆ จางหายไป คริสติน่าหลับตาลง ดื่มด่ำกับสัมผัสของเขา ความร้อนแรงที่เพิ่งผ่านพ้นไปกลายเป็นความอบอุ่นที่โอบล้อมหัวใจ เธอรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เคยอยู่ในกรอบศีลธรรม แต่วินาทีนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญคือความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้กัน ความผูกพันที่ลึกซึ้งเกินคำจำกัดความ

“อยู่กับแม่นานกว่านี้ได้ไหม?” เธอถาม มองขึ้นไปที่เขาด้วยแววตาที่ทั้งอ่อนหวานและจริงใจ

ออสตินก้มลง จูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ “ผมจะอยู่ตราบเท่าที่แม่ต้องการ” เขากล่าว คำสัญญานั้นดังก้องในหัวใจของเธอ ขณะที่ทั้งสองโอบกอดกันแน่นขึ้น ท่ามกลางคฤหาสน์ที่กลายเป็นพยานแห่งความรักอันซับซ้อนและงดงามของพวกเขา

แสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้าไป แต่สำหรับคริสติน่าและออสติน เรื่องราวของพวกเขาเพิ่งเริ่มต้นขึ้นใหม่ด้วยหัวใจที่เต้นเป็นหนึ่งเดียว


กดติดตามทวิตไว้นะ

ทวิตสำรอง

เผื่อทวิตบิน อย่าลืมแอด VK เอาไว้นะ

ความคิดเห็น